นางวนิดา สังข์ฤทธิ์ มารดาของแบงค์ เลสเตอร์ ได้ตกเป็นเหยื่อล่าสุดของกลุ่มมิจฉาชีพที่หลอกลวงผ่านช่องทางออนไลน์ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เธอได้เดินทางมาพบสื่อมวลชนที่กำลังทำข่าวที่เพจ “สายไหมต้องรอด” เพื่อเปิดเผยเหตุการณ์อันน่าสลดใจที่เกิดขึ้นกับตนเอง และหวังว่าประสบการณ์อันเจ็บปวดนี้จะเป็นบทเรียนเตือนใจให้ประชาชนระมัดระวังภัยออนไลน์ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างรุนแรงในปัจจุบัน
ตามคำบอกเล่าของนางวนิดา เหตุการณ์เริ่มต้นจากการได้รับข้อความผ่านทาง SMS ที่อ้างว่าส่งมาจากบริษัทขนส่งชื่อดัง ข้อความระบุว่า “ไม่สามารถติดต่อผู้รับพัสดุได้ กรุณาติดต่อกลับเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันรับพัสดุอีกครั้ง” พร้อมแนบลิงก์ให้คลิกเข้าไป ซึ่งนางวนิดาเองก็เพิ่งสั่งซื้อเสื้อผ้าทางออนไลน์ จึงมีความเข้าใจว่าอาจเป็นการติดต่อเกี่ยวกับสินค้าที่ตนสั่งไป จึงไม่ได้มีความสงสัยและดำเนินการตามลิงก์ที่ได้รับ
“ตอนนั้นดิฉันเพิ่งตื่นนอน ยังไม่ได้สติเต็มที่ก็เลยไม่ได้สังเกตหรือตรวจสอบให้ดีก่อน” นางวนิดากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เมื่อกดลิงก์ไปแล้ว มันจะพาไปที่ไลน์ของคนที่อ้างว่าเป็นพนักงานบริษัทขนส่ง พอเราทักไป เขาก็จะเริ่มกระบวนการหลอกลวงทันที”
มิจฉาชีพได้หลอกให้นางวนิดาเชื่อว่าจะต้องยืนยันตัวตนเพื่อรับพัสดุผ่านการทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งเป็นเทคนิคหลอกลวงที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยขั้นตอนแรกพวกเขาให้นางวนิดาขยายวงเงินในการทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร จากวงเงินประมาณ 300,000 บาท เพิ่มเป็น 400,000 บาท เนื่องจากการยืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้าผ่านแอปพลิเคชันไม่ผ่านในครั้งแรก
“พวกเขาพูดจาน่าเชื่อถือมาก มีการอธิบายขั้นตอนต่างๆ อย่างละเอียด ทำให้ฉันไม่ได้คิดสงสัย เมื่อขยายวงเงินเสร็จแล้ว พวกเขาก็ให้ฉันโอนเงินจำนวน 291,137 บาทไปยังบัญชีของคนที่ชื่อ ‘นางสาวยุพา’ ทันที หลังจากที่ฉันโอนเงินเสร็จ พวกเขาก็หายไปจากห้องแชตเลย”
หลังจากโอนเงินไปแล้ว นางวนิดาเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ จึงตัดสินใจขับรถไปที่สาขาของบริษัทขนส่งที่อ้างถึงในข้อความเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เมื่อไปถึงและสอบถามเกี่ยวกับพนักงานชื่อ “ยุพา นกแก้ว” ทางสาขาก็ยืนยันว่าไม่มีพนักงานชื่อนี้อยู่ในบริษัท นั่นทำให้นางวนิดาตระหนักได้ว่าตนเองตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพเรียบร้อยแล้ว
“พอรู้ว่าถูกหลอก ดิฉันรีบติดต่อธนาคารทันทีเพื่อขออายัดบัญชีปลายทาง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทันหรือเปล่า เพราะคนพวกนี้เขาทำงานเป็นขบวนการ พอได้เงินปุ๊บก็มีการถอนหรือโอนต่อทันที” นางวนิดากล่าวด้วยความกังวล
ทางธนาคารได้ดำเนินการประสานงานกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ เพื่อติดตามเงินและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด อย่างไรก็ตาม โอกาสในการได้รับเงินคืนมีความเป็นไปได้ยาก เนื่องจากมิจฉาชีพมักจะมีการโอนเงินต่อไปยังหลายบัญชีเพื่อปกปิดร่องรอย
นางวนิดาเล่าต่อว่า “เรื่องนี้ถือเป็นบทเรียนราคาแพงมากสำหรับดิฉัน ตอนนี้อยากเตือนทุกคนให้ระวังข้อความหรือการติดต่อแปลกๆ อย่าเชื่อและอย่ากดลิงก์ใดๆ ที่ส่งมาทาง SMS หรืออีเมล ควรตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนก่อนจะทำธุรกรรมใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโอนเงิน”
น่าสนใจว่า นางวนิดาเคยได้รับความเดือดร้อนมาก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงต้นปี 2568 เธอได้เดินทางไปรับเงินเยียวยาจำนวน 400,000 บาท จาก “เอ็ม เอกชาติ” ที่สถานีตำรวจภูธรทุ่งเบญจา ซึ่งเป็นการช่วยเหลือจากปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจนว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร
สถิติการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็นหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนส่ง ธนาคาร หรือหน่วยงานราชการ เพื่อหลอกให้ประชาชนโอนเงินหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ
ตำรวจและผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์แนะนำให้ประชาชนปฏิบัติตามหลักการง่ายๆ เพื่อป้องกันตนเอง ได้แก่:
- ไม่กดลิงก์ที่ส่งมาทาง SMS หรืออีเมลที่ไม่คุ้นเคยหรือน่าสงสัย
- หากได้รับการติดต่อจากบริษัทหรือหน่วยงานใดๆ ให้ติดต่อกลับทางช่องทางที่เป็นทางการเท่านั้น
- ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว รหัสผ่าน หรือรหัส OTP ให้บุคคลอื่นโดยเด็ดขาด
- ไม่โอนเงินให้บุคคลที่ไม่รู้จักหรือไม่แน่ใจ
- หากสงสัยว่าถูกหลอก ให้รีบแจ้งความและติดต่อธนาคารทันที
กรณีของนางวนิดาเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ กรณีที่เกิดขึ้นทุกวัน และสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการเพิ่มความระมัดระวังในการใช้เทคโนโลยีและการทำธุรกรรมออนไลน์ การรู้เท่าทันภัยไซเบอร์จึงเป็นทักษะสำคัญที่ประชาชนทุกคนควรเรียนรู้และพัฒนาในยุคดิจิทัลนี้
ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นหรือสงสัยว่ามีการหลอกลวงทางออนไลน์ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน 1441 ของศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.) หรือ 1599 ของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการตรวจสอบและป้องกันไม่ให้มีผู้ตกเป็นเหยื่อรายต่อไป